โครงการทัศนศึกษา SCiUS Go Abroad ของนักเรียน ชั้น ม.6 (รุ่นที่ 16) โครงการ วมว. คู่ศูนย์โรงเรียนสาธิต “พิบูลบำเพ็ญ” มหาวิทยาลัยบูรพา ณ ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 18 ตุลาคม-23 ตุลาคม พ.ศ. 2568
โครงการทัศนศึกษา SCiUS Go Abroad ของนักเรียน ชั้น ม.6 (รุ่นที่ 16) โครงการ วมว. คู่ศูนย์โรงเรียนสาธิต “พิบูลบำเพ็ญ” มหาวิทยาลัยบูรพา ณ ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 18 ตุลาคม-23 ตุลาคม พ.ศ. 2568
ในการไปทัศนศึกษาครั้งนี้ นักเรียนโครงการ วมว. จะได้มีโอกาสไปแลกเปลี่ยน-เรียนรู้ สานสัมพันธ์กับนักเรียนญี่ปุ่น ณ Sano High School และ Marine Science for Tokyo University of Marine Science and Technology (TUMSAT) นอกเหนือจากนี้ นักเรียนจะได้เข้าเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ต่างๆ รวมถึงศึกษาวัฒนธรรมจากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ มากมาย
วันที่ 2 (19 ตุลาคม 2568) ของโครงการเสริมสร้างศักยภาพ นักวิทยาศาสตร์ SCIUS Go Abroad เด็กๆถึงสนามบินฮาเนดะ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นและออกเดินทางสู่โอไตบะ(Odaiba) เกาะที่สร้างขึ้นด้วยการถมดินในอ่าวโตเกียวเต็มไปมีแลนด์มาร์กสำคัญๆ อาทิ หุ่นยนต์โอไดบะ สะพานสายรุ้ง (Rainbow Bridge) และเทพีเสรีภาพจำลองแห่งโอไดบะ (Statue of Liberty Replica) แลนด์มาร์กชื่อดังริมอ่าวโตเกียว สร้างขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพระหว่างญี่ปุ่นและฝรั่งเศส มีความสูงราว 12.25 เมตร ตั้งอยู่ท่ามกลางวิวอ่าวโตเกียวและสะพานสายรุ้งเป็นจุดชมวิวและถ่ายภาพยอดนิยมของนักท่องเที่ยว จากนั้นเข้าชมพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์และนวัตกรรมสมัยใหม่แห่งชาติ หรือ มิไรคัง (Miraikan) จัดแสดงเรื่องราวด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรมใหม่ๆ โดยจัดแสดง 3 โซน โซนอวกาศและระบบสุริยะจักรวาล, โซนความยั่งยืนของโลก และโซนความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม ผ่านการนำเสนออย่างสร้างสรรค์ทำให้สนุกและเพลิดเพลินกับการเรียนรู้ ทำให้ได้เห็นความก้าวหน้าของเทคโนโลยีของญี่ปุ่นและเปิดมุมมองใหม่ๆ สร้างแรงบันดาลใจให้กับนักเรียน นักเรียนได้รับความรู้ ได้มีโอกาสพัฒนาตนเองได้อย่างเต็มตามศักยภาพ ซึ่งเป็นรากฐานที่สำคัญในการสร้างนักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยในอนาคต ช่วงบ่ายศึกษาดูงานด้านวัฒนธรรม ณ ตลาดอาเมโยโกะ (Ameyoko) สะท้อนวัฒนธรรมการค้าขายแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่ผสมผสานกับความทันสมัย มีวัฒนธรรมการค้าขายที่คึกคักและเป็นกันเอง นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งรวมวัฒนธรรมอาหารญี่ปุ่นแท้ๆ ถือเป็นตลาดสดที่ยังคงกลิ่นอายของวิถีชีวิตแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมไว้อย่างชัดเจน
วันที่ 3 (20 ตุลาคม 2568) ของโครงการเสริมสร้างศักยภาพ นักวิทยาศาสตร์ SCIUS Go Abroad ช่วงเช้าศึกษาดูงาน ณ TOKYO University of Marine science and Technology ภายใต้การต้อนรับอย่างอบอุ่นของ Prof. Toshi และทีมงาน โดยได้พาเข้าเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ ภายในมหาวิทยาลัย ซึ่งทำให้นักเรียนได้รับความรู้ เปิดโลกทัศน์การเรียนรู้นอกห้องเรียนที่หลากหลาย ได้สัมผัสกับการทำงานขององค์กรอื่นๆนอกเหนือจากการเรียนในชั้นเรียน เป็นแรงบันดาลใจกระตุ้นให้มีความกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพตนเองช่วงบ่ายดูงาน ณ พิพิธภัณฑ์ Tokyo Fire Department headquarters & Citizen disaster prevention education center เป็นศูนย์การเรียนรู้ด้านการดับเพลิงและการป้องกันภัยพิบัติที่สำคัญของกรุงโตเกียว ภายในมีการจัดแสดงประวัติศาสตร์และ วิวัฒนาการของการดับเพลิงตั้งแต่ยุคเอโดะจนถึงปัจจุบัน ผ่านการจัดแสดงอุปกรณ์และรถดับเพลิงจริง รวมถึงนิทรรศการที่ให้ความรู้เชิงปฏิบัติ เช่น เครื่องจำลองแผ่นดินไหว พื้นที่ฝึกการใช้ถังดับเพลิง และแบบจำลองสถานการณ์ฉุกเฉินต่างๆ
วันที่ 4 (21 ตุลาคม 2568) ของโครงการเสริมสร้างศักยภาพ นักวิทยาศาสตร์ SCIUS Go Abroad ตลอดทั้งวันนี้ ทางโครงการ วมว. ได้เข้าเยี่ยมชม โรงเรียนมัธยมซาโนะ Sano Nihon University Senior High School โดยได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นตั้งเดินเข้าประตูโรงเรียน มีวงโยธวาทิตบรรเลงต้อนรับขณะดินเข้าตึก และมีนักเรียนที่อยู่ในห้องเรียนทุกห้องทุกอาคารยืนโบกมือทักทายต้อนรับ และหลังจากเสร็จสิ้นพิธีเปิดนักเรียนได้ทำกิจกรรมร่วมกัน โดยแบ่งเป็นฐานกิจกรรมเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้วัฒนธรรม อาทิ พิธีชงชาต้อนรับแขกผู้มาเยือน กิจกรรมสันทนาการ และกิจกรรมเรียนรู้ภาษาซึ่งทำให้เกิดความสัมพันธ์และความทรงจำที่ดี ซึ่งทางโครงการหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเด็กๆ ทุกคนจะรักษาความพันธ์ที่ดี และมีเครือข่ายในการทำกิจกรรมที่เกิดประโยชน์ร่วมกันในอนาคต
วันที่ 5 (22 ตุลาคม 2568) ของโครงการเสริมสร้างศักยภาพ นักวิทยาศาสตร์ SCIUS Go Abroad เข้าเยี่ยมชมวัดอาซากุสะ หรือ วัดเซนโซจิ เป็นหนึ่งในวัดเก่าแก่และมีชื่อเสียงที่สุดในโตเกียว ประดิษฐานเจ้าแม่กวนอิมทองคำอันศักดิ์สิทธิ์ภายนอกมีประตูคามินาริมงและโคมแดงยักษ์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของอาซากุสะรอบวัดมี ถนนนากามิเสะ ที่เต็มไปด้วยร้านของฝากและขนมพื้นเมือง ตอนบ่ายนำคณะศึกษาดูงานพื้นที่ย่านเศรษฐกิจสำคัญของกรุงโตเกียว ย่านชินจูกุ (Shinjuku) และย่านซิบุย่า (Shibuya) ซึ่งเป็นศูนย์กลาง ธุรกิจ การค้า และความบันเทิงที่เจริญรุ่งเรื่องที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีผู้คนเข้า- ออก 3 ล้านต่อวันนอกจากนี้ยังมี ย่านฮาราจูกุ (Harajuku) เป็นที่รู้จักในฐานะศูนย์กลางแฟชั่นแนวสตรีทและวัฒนธรรมร่วมสมัย รวมไปถึง AEON STYLE SHINAGAWA SEASIDE เป็นห้างญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงอย่างมากสำหรับคนไทย ไม่ว่าจะไปซื้อของฝากของใช้ ซื้อขนม หรืออื่นๆ อาทิร้าน 100 เยน และร้าน Uniqlo เป็นต้น
